ตอนที่ผมเริ่มทำงานใหม่ๆ มีคนบอกว่าผมเป็นพวก perfectionist…
ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร… แต่ก็บอกกลับไปว่า…
ผมแค่ต้องการให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด…
จะได้ไม่ต้องถูกว่าลับหลังว่า…ทำงานห่วย…
หลายปีผ่านไปคำว่า Perfectionist ถูกศึกษาและมีผลออกมาว่า…
การทำอะไรที่มุ่งหมายให้ Perfect หรือ สมบูรณ์แบบกลายเป็นสิ่งที่ยับยั้งความสำเร็จ
เป็นการใช้เวลาที่มากมายเกินไป แถมส่งผลทางลบต่อสภาพจิตใจด้วย
มีข้อเสียมากมายของการทำงานที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบ เช่น
- ถ้าเจ้าระเบียบเกินไป ก็จะใช้เวลาในการจัดข้างของบ่อยๆ เสียเวลา
- ถ้าทำงานด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ค่อยแจกจ่ายงาน ก็เลยทำให้งานเป็นดินพอกหางหมู
- พวก perfectionist จะใช้เวลานานในการทำงาน 1 ชิ้น เพราะคิดทบทวนซ้ำหลายๆรอบ
- หลายคนจะรู้สึกกดดันตัวเองตลอดเวลา เพราะตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก
- บางคนจะทนไม่ค่อยได้ จะยื่นมือเข้าไปทำงานที่ไม่ใช่งานหลักของตน ทำให้รับผิดชอบมากเกินไป
สรุปได้ประมาณว่า การทำงานที่เน้นสมบูรณ์แบบ ทำให้สิ้นเปลืองเวลาและพลังงานมากเกินไป
เราต้องปลดล็อคตัวเอง…
เลิกยึดติดความสมบูรณ์แบบ…
อย่าใส่ใจกับรายละเอียดปลีกย่อยมากเกินไป หากมันไม่ได้มีผลกับความสำเร็จกับงานนั้นๆ
ในหนังสือ 30 Minutes to an Efficient Self-Organization ได้แนะนำวิธีค่อยๆ ลดการยึดติดความสมบูรณ์แบบลง
อาทิเช่น
- ไปประชุมให้ตรงเวลา ไม่ต้องไปก่อนเวลามากเกินไป ไปก่อนสักเล็กน้อยก็พอ ถ้าเราไปก่อนเวลา 15 นาทีขึ้นไปก็จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ในทางกลับกันหากเราเป็นคนจัดประชุม ถ้ามีคนมาช้าและเลยกำหนดเริ่มประชุมแล้ว ก็ให้เริ่มเลยโดยที่ไม่ต้องรอ
- ลดความเข้าระเบียบลง และกำหนดเวลาทำ เช่น กำหนดเวลาอ่านอีเมลแค่ 2 ช่วงเวลาต่อวัน กำหนดเวลาจัดระเบียบโต๊ะแค่ครั้งเดียวก่อนเลิกงงาน
- ให้รับผิดชอบตามหน้าที่ก็พอ จัดงานที่ตัวเองทำและแจกจ่ายงานให้ลูกน้องทำให้มากที่สุดส่วนนี้ผมก็มีปัญหาเยอะพอสมควร เนื่องจากหลายครั้งมีงานที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าโดยตรง และเป็นงานที่ไม่สามารถแจกจ่ายให้ลูกน้องช่วยได้ ทำให้ภาระงานเพิ่มขึ้น
- ฝึกยอมรับผลงานของลูกน้องว่าต้องมีผิดพลาดบ้าง
ผมจะบอกทุกคนเสมอๆว่าให้ตั้งใจทำงานส่วนที่ต้องรับผิดชอบให้เต็มที่ก่อน หากผลงานไม่ดี ผิดพลาด ก็หาวิธีปรับปรุงแก้ไขและป้องกันต่อไป และอย่าให้เกิดการผิดพลาดที่เดิมซ้ำๆ หากมีงานที่ผิดพลาดหรือหัวหน้าต้องตรวจงานซ้ำซ้อน ก็คงต้องสอนและพัฒนาลูกน้องด้วยครับ เพราะตราบใดที่เรายังไม่สามารถไว้วางใจและเชื่อมั่นในฝีมือลูกน้องได้ หัวหน้าก็ต้องพะวงและคอยตรวจงานแบบละเอียดอยู่ดี
- ทุ่มเทกับงานแต่พอดี อย่าเอาตัวไปพัวพันงานที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ให้มากนัก ปล่อยให้คนอื่นทำ แล้วเอาเวลามาดูแลงานที่สำคัญขอตัวเองดีกว่า
ประเด็นหัวข้อนี้ ผมก็มีประสบการณ์ คือ มักถูกสั่งให้ไปช่วยงานอื่นๆ เพิ่มเติมบ่อยๆ และมักเป็นงานเร่งด่วนสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ ทำให้กระทบตารางงาน จัดเวลาได้ยาก
- เขียนกฎการทำงานของตัวเอง ให้ฝึกคิดว่างานแต่ละชิ้นเป้าหมาย และคุณภาพของงานคืออะไร ดีแค่ไหน ให้เขียนออกมาและพยายามปรับปรุง เปลี่อนแปลงวิธีการทำงาน
เคยมีลูกน้องคนหนึ่ง เป็นคนที่ตอบอีเมลยาวมาก น่าจะเกินหนึ่งหน้ากระดาษ A4 ซึ่งการเขียนตอบยาวแบบนี้ น่าจะต้องใช้เวลาพิมพ์นานพอสมควร แค่อ่านก็ตาลายแล้ว.. เปลี่ยนวิธีจากพิมพ์อีเมล มาใช้วิธีโทรศัพท์มาคุย หรือเดินมาคุยน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีครับ
ทั้ง 6 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่ต้องเอาไปฝึกฝนลองทำดูครับ
สำหรับผมเองก็ยังทำไม่ได้ในบางข้อ ต้องฝึกฝนต่อไป
คิดไว้เสมอ…
“ลดความสมบูรณ์แบบลง และ ฝึกรับมือกับความผิดพลาด”
++++++++++